วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

แถลงข่าวกรณีสวนป่าคอนสาร จ.ชัยภูมิ


วันนี้ ทางกป. ได้เชิญให้ไปร่วมแถลงข่าวกรณีสวนป่าคอนสาร อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ
ในนามของศูนย์กฎหมายเพื่อสังคม คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (๔ กันยายน ๒๕๕๒)
-------------------------
โดยได้แถลงต่อสื่อมวลชนถึงท่าทีของศูนย์กฎหมายเพื่อสังคมฯ ไว้ดังนี้
๑. กรณีที่หน่วยงานของรัฐได้ฟ้องพี่น้องชาวบ้านจำนวนสามสิบกว่าราย ในความผิดเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินนั้น ภาคราชการต้องเข้าใจว่าโดยพื้นฐานไม่มีชาวบ้านคนใดอยากทำผิดกฎหมาย เหตุที่กระทำเช่นนั้นเนื่องด้วยเพราะชาวบ้านเดือดร้อนและต้องการเรียกร้องสิทธิของตน
๒. กรณีสวนป่าคอนสาร จ.ชัยภูมินี้ ถือเป็นอีกข้อเท็จจริงหนึ่งที่ประชาชนถูกรัฐละเมิดเชิงนโยบาย ซึ่งผลทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนละเมิดหรือสุ่มเสี่ยงต่อการล่วงละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน
๓. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นสิทธิในที่ดินทำกิน วิถีชีวิตชุมชน และเสรีภาพในการดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข (ผาสุก) ซึ่งสิทธิดังกล่าวถือเป็นรากฐานของสิทธิ เสรีภาพ และความมั่นคงของมนุษย์
๔. ศูนย์กฎหมายเพื่อสังคม ขอแสดงท่าทีต่อเรื่องดังกล่าว ดังนี้
  • ขอเรียกร้องให้การกำหนดนโยบาย กระบวนทัศน์ และการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องอยู่บนพื้นฐานสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากกว่าคำนึงถึงการแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของรัฐ
  • กรณีดังกล่าวรัฐบาลต้องประสานความเข้าใจและร่วมมือกับชาวบ้าน บนพื้นฐานความเป็นจริงในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มิใช่ หาทางแก้โดยยึดกฎหมายเป็นที่ตั้ง
  • สุดท้าย ขอวิงวอนให้ท่านผู้นำรัฐบาลมีบัญชาให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทบทวนและถอนฟ้องกลุ่มชาวบ้าน เพราะการเรียกร้องและขัดขืนอำนาจรัฐของกลุ่มชาวบ้านดังกล่าว เป็นไปเพื่อแสวงหาทางออกบนพื้นฐานแห่งสิทธิมนุษยชน

--------------------------

กิตติบดี

3 ความคิดเห็น:

bankher กล่าวว่า...

"ปวงผู้นำ จะเต้นรำ ข้างถนน
ปวงคนจน หมาจร จงหลีกไป"


ขอเป็นอีกเสียงที่สนับสนุนครับ

AMG กล่าวว่า...

อันการกระทำโดยผิดกฎหมายนั้นไม่ว่ายากดีมีหรือจนย่อมต้องเสมอภาคกันในการถูกบังคับใช้กฎหมาย ส่วนเจตนากระทำผิดหรือไม่หรือกระทำโดยจำเป็นหรือไม่เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอีกโสดหนึ่ง

จริงอยู่ไม่มีชาวบ้านคนใดอยากทำผิดกฎหมาย เหตุที่กระทำเช่นนั้นเนื่องด้วยเพราะชาวบ้านเดือดร้อนและต้องการเรียกร้องสิทธิของตน แต่ก้ต้องเข้าใจ่ว่ารับได้กระทำการบนพื้นฐานของประโยชน์สาธารณะ กล่าวคือมิใช่แต่เพียงชาวบ้านกลุ่มนี้ หากเพื่อความสงบสุขสวัสดีของผู้คนทั้งปวงในรัฐ หากยอมให้ชาวบ้านอ้างความเดือดร้อนยากจนเป็นโล่กำบังการกระทำความผิด ทุกรณ๊แล้วย่อมไม่ชอบ ด้วยคนยากจนมีอยู่มากมายมิใช่เพียงชาวบ้านกลุ่มนี้ หากที่ดินนี้เป็นของรัฐ รัฐอาจสร้างประโยชน์ใดๆที่เป็นไปเพื่อสาธารณะได้มากกว่า ในกรณีนี้แล้วชาวบ้านกลุ่มนี้รวมตัวกันแม้ไม่ใช่ 1 คน ก็นับเป็น 1 หน่วยเท่ากับเป็นเอกชนนั่นเอง การไม่ดำเนินการกับผุ้กระทำความผิดเลยเป็นเรื่องไม่สมควร ทั้งชาวบ้านเองมิใช่แค่ชาวบ้านแต่เป็นพลเมืองของรัฐ มีสิทธิ์ต่างๆเท่าที่รัฐกำหนดให้และมีหน้าที่เคารพสิทธิ์ของผู้อื่นในรัฐด้วยซึ่งในที่นี้คือพลเมืองคนอื่นๆทั้งประเทศที่เป็นเจ้าที่ดินนี้ร่วมกัน ดังนั้นการดังกล่าวจึงเป็นการใช้สิทธิเกินขอบเขตด้วยอีกประการหนึ่ง

อย่างไรเสียกฎหมายแม้ไม่ใช่ความยุติธรรมแต่ก็เป็นเครื่องมือที่ชอบธรรมและได้รับการยอมรับที่สุดหากจะต้องใช้เครื่องมือใดๆแก้ปัญหา เพียงแต่จักใช้กฎหมายอย่างไรให้มีความ"พอเหมาะพอควร กลมกล่อมแก่กรณี" เท่านั้น ดังเช่นคดีเรื่องแม่ขโมยซาลาเปา นั่นเองมิเช่นนั้นแล้วกฎหมายจักมีความศักดิสิทธิ์อยู่ได้อย่างไร ใครจักเคารพยำเกรง ความยากดีมีจนอยู่ที่ใจหากคนรวยร้อยล้านอ้างว่าตนจนกว่าคนมีหมื่นล้านแล้วกระทำความผิดจักอ้างว่าจนเพื่อปัดความรับผิดของตนได้หรือไม่ เช่นนี้สังคมจักสงบสุขอยู่ได้อย่างไร

"The lawyer must serve law" เห็นว่านักกฎหมายไม่ควรใช้วิธีการใดอื่นนอกจากใช้กฎหมาย ส่วนจักใช้กฎหมายอย่างไรให้"พอเหมาะพอควร กลมกล่อมแก่กรณี"ดังที่กล่าวไปแล้ว ก็เป็นเรื่องที่นักกฎหมายจะต้องทำการบ้าน มิใช่หันเหใช้วิถีทางอื่นนอกกฎหมาย

ดังนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แถลงการณ์นี้ฟังขึ้นบางส่วน

(อัครเนติศิริมหายุติธรรม -ปัญญามหาศรีวรภิมุข - กัมปนาทมนูญพิจารณ์)

ประสารศุภกิจ ย่อ
ประสิทธิ์ศุภการ ตรวจ

กิตติบดี กล่าวว่า...

"ตราชูนี้ดูเที่ยงบ่มิเอียงจริงไหมหรือ
ขวาซ้ายเท่ากันหรือ ฤาจะหย่อนอยู่ข้างไหน
เพ่งดูตราชูตั้งข้าฯนี้ยังไม่แน่ใจ
ที่เที่ยงนั้นเพียงใด
ที่ว่าใช่แค่ไหนกัน"

กฎหมาย การเมืองและสังคมไทย "ความหมายของประชาธิปไตย" ตอน ๑

กฎหมาย การเมืองและสังคมไทย ตอน ๑ ศึกษาจากมุมมองของผู้ช่วยศาสตราจารย์จรัล  ดิษฐาอภิชัย  ประธานมูลนิธิสถาบันประชาธิปไตย/อจ.บรรยายรายวิชา...